วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555






คำศัพท์
โดนัล1. donut
มัฟฟิน2. muffin
บาเกล3. bagel
ขนมปังก้อน4. bun
เดนิช5. danish/pastry
บิสกิต6. biscuit
ครัวซองต์7. croissant
แฮมเบอร์เกอร์8. hamburger
ชีสเบอร์เกอร์9. cheeseburger
ฮอตด็อก10. hot dog
ทาโก11. taco
ชิ้นพิซซา12. slice of pizza
ถั่วต้มคลุกพริก13. bowl of chili
ไก่ทอด14. order of fried chicken
โค้ก/ไดเอ็ดโค้ก/เปปซี่/เซเว่นอัพ/...15. coke/diet coke/pepsi/7-up
น้ำมะนาว16. lemonade
กาแฟ17. coffee
กาแฟสกัดคาเฟอีน18. decaf coffee
ชา19. tea
ชาใส่น้ำแข็ง20. iced tea
นม21. milk
แซนด์วิชปลาทูนา22. tuna fish sandwich
แซนด์วิชสลัดไข่23. egg salad sandwich
แซนด์วิชสลัดไก่24. chicken salad sandwich
แซนด์วิชแฮมและเนยแข็ง25. ham and cheese sandwich
แซนด์วิชเนื้อย่าง26. roast beef sandwich
แซนด์วิชเนื้อแช่เกลือ27. corned beef sandwich
แซนด์วิชเบคอน,ผักกาดหอมและมะเขือเทศ28. BLT/bacon,lettuce,and tomato sandwich
ขนมปังขาว29. white bread
ขนมปังข้าวไรย์30. rye bread
ขนมปังโฮลวีต31. whole wheat bread
ขนมปังเปรี้ยว32. pumpernickal
ขนมปังปิตา33. pita bread
ขนมปังก้อนกลมเล็ก34. a roll
ขนมปังรูปเรือดำน้ำ35. a submarine rollก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก Narrow wet rice noodles
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ Wide wet rice noodles
เกี๊ยวกรอบ Fried minced pork wrapped in wanton sheet
เกี๊ยวหมู Minced pork wrapped in wanton seet
ขนมครก Small dish-shape cake made of rice,Flour,Sugar and coconut milk
ขนมจีน Vermicelli
ขนมปัง Bread
ข้าวกล้อง Half milled rice,Brown rice,Unpolished rice
ข้าวเกรียบ Crispy rice cake
ข้าวจี่ Glutinous rice ball with some molassrs inside
ข้าวสารเจ้า Rice
ข้าวแช่ Cooked rice in frgrant water eat with different condiments
ข้าวต้ม Boiled rice
ข้าวตอก Popped rice
ข้าวตัง Crispy cooked rice crust that sticks to the dottom of the rice pot,Rice discuit
ข้าวตู Powdered roasted sun dried cooked rice mixed with palm sugar and shredded coconut
ฟ่าง Sorghum
ข้าวมัน(ส้มตำ) Rice cooked in coconut milk (eat with papaya salad)
ข้าวเม่า Young rice,unhusked,flattened and roasted
ข้าวยาคู A drink made of water extracted from pounded unripe rice boiled with sugar
ข้าวสวย Steamed rice
ข้าวหมาก Sweet fermented glutinous rice
ข้าวหลาม Glutinous rice mixed with salt sugar and coconut cream,roasted in a bamboo joint
ข้าวเหนียว Glutinous (Sticky) rice
ข้าวเหนียวดำ black glutinous (Sticky) rice
ข้าวเหนียวเปียก Glutinous rice pudding
บะหมี่ Egg noodles,Wheat flour noodles
บะหมี่สำเร็จรูป Instant egg noodles
ปลายข้าว Broken milled rice
แป้งเกี๊ยว Wanton sheets,Wanton wrappers
แป้งข้าวจ้าว Rice flour
แป้งข้าวโพด Corn starch,corn flour
แป้งข้าวหมาก Yeast
แป้งข้าวเหนียว Glutinous rice flour,Sticky rice flour
แป้งถั่วเขียว Mung bean flour
แป้งท้าวยายม่อม Arrow-root starch
แป้งเผือก Taro root flour
แป้งมัน Cassava flour
แป้งสาคู Sago flour,Tapioca flour
แป้งสาลี Wheat flour
แป้งห่อปอเปี๊ยะ Spring roll sheets
ลูกเดือย Millet
วุ้นเส้น Mung bean vermiceill,Mung bean noodles,Glass noodles
สาคูเมล็ด Sago pellets,Ttappioca pellets
เส้นหมี่แห้ง Tiny,dried rice noodles
1. Water     น้ำ     2. Fork       ส้อม   3. Spoon    ช้อน
4. Knife      มีด      5. Plate     จาน     6. Menu    เมนู
7. Check    เช็คบิล 8. Waiter   พนักงานเสิร์ฟ
9. Special     พิเศษ  10. Breakfast    อาหารเช้า
11. Lunch     อาหารกลางวัน  12. Dinner    อาหารเย็น
13. Snack    ขนมขบเคี้ยว       14. Dessert    ของหวาน
15. Ash tray   ที่เขี่ยบุหรี่         16. Chopsticks    ตะเกียบ
17. Napkin    ผ้าเช็ดปาก         18. Glass   แก้วน้ำ
19. Tip   ทิป           20.Reservation    การสำรองที่นั่ง

Vegetables
1. Beans     ถั่ว                   2. Bean sprouts     ถั่วงอก
3. Potato      มันฝรั่ง         4. Sweet potato     มันเทศ
5. Cucumber     แตงกวา   6. Tomato     มะเขือเทศ
7. Spring onion     ต้นหอม 8. Onion     หอมหัวใหญ่
9. Celery     ขึ้นฉ่าย           10. Corn     ข้าวโพด
11. Cabbage     กะหล่ำปลี 12. Chile pepper     พริกชี้ฟ้า
13. Mushroom     เห็ด     14. Pumpkin     ฟักทอง
15. Lettuce     ผักกาดหอม 16. Carrot     แครอท
17. Garlic     กระเทียม     18. Asparagus     หน่อไม้ฝรั่ง

เครดิตจาก

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่คนไทยใช้กันผิดบ่อยๆ

คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่คนไทยใช้กันผิดบ่อยๆ

ในปัจจุบันมีคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษที่คนไทยใช้กันจนติดปากอยู่ มากมาย แต่คุณเคยรู้ไหมว่ามีบางคำที่ ฝรั่งเค้าไม่ได้ใช้อย่างที่เราพูดกันติดปาก

 
1. อินเทรนด์ ( in trend)   คำนี้อินเทรนด์มากๆ เอ๊ย...ฮิตมากๆ ในปัจจุบัน สามารถได้ยินตามรายการวิทยุหรือโทรทัศน์ทั่วไป เพราะใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง เช่น เด็กสมัยนี้ถ้าจะให้อินเทรนด์ต้องตามแฟชั่นเกาหลี ซึ่งบางทีเวลาคุณต้องการพูดว่า "มันทันสมัย" คุณอาจจะติดปากว่า " It is in trend." คำว่า "ทันสมัย" ฝรั่งเค้าไม่ใช้คำว่า " in trend" อย่างคนไทยหรอกค่ะ เค้าจะใช้คำว่า "trendy" หรือ " fashionable" ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ที่คุณสามารถวางไว้หน้าคำนามที่ต้ องการขยาย เช่น a trendy haircut ทรงผมที่ทันสมัย , a fashionable restaurant ร้านอาหารที่ทันสมัย หรือจะไว้หลัง verb to be เช่น It is trendy. หรือ It is fashionable. ก็ได้


2. เว่อร์ (over) เช่น ใยคนนั้นทำอะไรเว่อร์ๆ She is over. ไม่มีความหมายแต่อย่างใดในภาษาอังกฤษ ฝรั่งที่ได้ยินคุณพูดเช่นนี้ คงมึนตึบ พร้อมทำสีหน้างงว่ามันหมายถึ งอะไรเหรอ ? พูดถึงคำนี้ คนไทยน่าจะหมายถึงการพูดเกินจริ งหรือทำเกินจริง ซึ่งถ้าพูดเกินจริง ควรจะใช้คำศัพท์ที่ว่า " exaggerate" เป็นคำกิริยา อ่านว่า เอก-แซ้ก-เจ่อ-เรท เช่น

" He said you walked 30 miles." เค้าบอกว่าคุณเดินตั้ง 30 ไมล์
" No - he's exaggerating. It was only about 15." ไม่หรอก เค้าพูดเว่อร์ (เกินจริง) มันก็แค่ 15 ไมล์เอง

ดังนั้น ถ้าจะบอกว่า เธอพูดเว่อร์น่ะ ก็บอกว่า You're exaggerating. หรือจะบอกเค้าว่า อย่าพูดเว่อร์ๆ น่ะ อาจใช้ว่า Don't exaggerate. ส่วนอาการเว่อร์อีกแบบคือการทำเกินจริง เราจะใช้คำกิริยาที่ว่า "overact" เช่น You're overacting. เธอทำเว่อร์เกิน (แสดงอารมณ์เกินจริง)


3. ดูหนัง soundtrack   เวลาคุณจะบอกใครว่า ฉันต้องการดูหนังฝรั่งที่พากย์ ภาษาอังกฤษ อย่าพูดว่า " I want to watch a soundtrack film." แต่ควรจะใช้ว่า " I want to watch an English film." เพราะความหมายของคำว่า " soundtrack" คือ ดนตรีที่อยู่ในภาพยนตร์ต่างหากล่ะค่ะ ถ้าเราจะพูดถึงหนังฝรั่งที่ พากย์เสียงภาษาไทย เราต้องบอกว่า " I want to watch an English film that is dubbed into Thai." เพราะคำกิริยาว่า "dub" คือพากย์เสียงจากต้นแบบในหนั งหรือรายการโทรทัศน์ไปเป็ นภาษาอื่น ส่วนหนังที่มีคำบรรยายใต้ ภาพเราเรียกว่า " a subtitled film" ซึ่งคำบรรยายที่อยู่ใต้ภาพ เราเรียกว่า " subtitles" ( ต้องมี s ต่อท้ายเสมอนะค่ะ) เช่น a French film with English subtitles หนังฝรั่งเศสที่มีคำบรรยายใต้ ภาพเป็นภาษาอังกฤษ หนังบางเรื่องจะมีคำบรรยายใต้ ภาพเป็นภาษาเดียวกับที่นักแสดงพูด เรามีศัพท์เรียกเฉพาะว่า " closed-captioned films/videos/television programs" หรือ อาจเขียนย่อๆ ว่า " CC" เช่น You should watch a closed-captioned film to improve your English. คุณควรจะดูหนังฝรั่งที่มี คำบรรยายภาษาอังกฤษเพื่อพั ฒนาภาษาอังกฤษของคุณ


4. นักศึกษาปี 1 คนไทยมักเรียกว่า " freshy" ซึ่งฝรั่งไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ เพราะไม่มีการบัญญัติศัพท์คำนี้ ในภาษาอังกฤษ เค้าจะใช้คำว่า " fresher" หรือ " freshman" เช่น He is a fresher. หรือ He is a freshman. หรือ He is a first-year student. เขาเป็นนักศึกษาปี 1 ส่วนปีอื่นๆ คนไทยเรียกถูกแล้วค่ะ คือ ปี 2 เราเรียก a sophomore, ปี 3 เรียกว่า a junior และ ปี 4 เรียกว่า a senior

5. อัดหรือบันทึก คนไทยมักพูดทับศัพท์ว่า เร็คคอร์ด ( record)   คำๆนี้สามารถเป็นได้ทั้ งคำนามและคำกิริยา เพียงแค่เปลี่ยนตำแหน่ง stress กล่าวคือ ถ้าจะใช้เป็นคำนามที่แปลว่า แผ่นเสียงหรือสถิติ ให้ขึ้นเสียงสูงที่พยางค์แรก คือ "เร็ค-คอร์ด" เช่น He wants to buy a record. เขาต้องการซื้อแผ่นเสียง , I broke my own record. ฉันทำลายสถิติของฉันเอง แต่ถ้าคุณจะหมายถึงคำกิริยาที่ แปลว่า อัดหรือบันทึก ต้อง stress พยางค์หลัง ซึ่งจะอ่านว่า "รี-คอร์ด" เช่น I'll record the film and we can all watch it later. ฉันจะอัดหนัง เราจะได้เก็บไว้ดูทีหลังได้ ส่วนเครื่องบันทึก เราเรียกว่า "recorder" อ่านว่า รี-คอร์-เดอร์


6. ต่างคนต่างจ่าย เรามักใช้ American share   รับรองว่าฝรั่ง(ต่อให้เป็นชาวอเมริกันด้วยค่ะ) ได้ยินแล้ว งงแน่นอน ถ้าคุณจะหมายถึงต่างคนต่างจ่ายให้ใช้ว่า " Let's go Dutch." หรือ " Go Dutch (with somebody)." อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นธรรมเนียมของชาวดัตช์หรือเปล่า ? ที่ต่างคนต่างจ่ายเลยมีสำนวนอย่ างนี้ หรือคุณอาจจะบอกตรงๆ เลยว่า " You pay for yourself." คือเป็นอันรู้กันว่าต่างคนต่ างจ่าย แต่ถ้าคุณต้องการเป็นเจ้ามือ( ไม่ใช่เล่นไพ่นะค่ะ)เลี้ยงมื้ อนี้เอง คุณควรพูดว่า " It's my treat this time." หรือ " My treat." หรือ " It's on me." หรือ " All is on me." หรือ " I'll pay for you this time." ทั้งหมดแปลว่า มื้อนี้ฉันจ่ายเอง ส่วนถ้าจะบอกเพื่อนว่า คราวหน้าแกค่อยเลี้ยงฉันคืน ให้บอกว่า " It's your treat next time."

7. ขอฉันแจม ( jam) ด้วยคน  ในกรณีนี้คำว่า "แจม" น่าจะหมายถึง "ร่วมด้วย" เช่น We are going to eat outside. Do you want to jam? เรากำลังจะออกไปกินข้าวข้างนอก เธอจะไปด้วยมั้ย ? ในภาษาอังกฤษไม่ใช้คำว่า jam ในกรณีแบบนี้ ซึ่งควรจะใช้ว่า " Do you want to join us?", "Do you want to come with us?" หรือ " Do you want to come along?" จะดีกว่าค่ะ


8. เขามีแบ็ค ( back) ดี " He has a good back." ฝรั่งคงงงว่ามันเกี่ยวอะไรกับข้ างหลังของเค้า เพราะ back แปลว่า หลัง (อวัยวะ) แต่คุณกำลังจะพูดถึงมีคนคอยสนั บสนุน ซึ่งต้องใช้ " a backup" ซึ่งหมายถึง คนหรือสิ่งของที่ช่วยสนับสนุน ช่วยเหลือ เกื้อกูล เป็นกำลัง





ที่มา http://forum.dek-eng.com/index.php?topic=108.0

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555

การใช้ prefix suffix




การใช้ Prefix-suffix

Prefix
Prefix แปลว่า “อุปสรรค”หมายถึงคำที่ใช้เติมเข้าข้างหน้าคำอื่น แล้วทำให้คำคำนั้นมีความหมายผิดไปจากเดิม
เราเรียนคำเช่นนี้ว่า “Prefix” = อุปสรรค ในภาษาอังกฤษอุปสรรคที่ใช้กันมาก และมักพบเห็นบ่อย ๆ มีอยู่ 10 ตัว คือ
1. Un- (ไม่) ใช้สำหรับเติมหน้าคำคุณศัพท์ (Adjective) หรือ คำกริยาวิเศษณ์ (Adverb)เมื่อเติมแล้วทำให้คำนั้นมีความหมายตรงกันข้าม เช่น suitable เหมาะสม unsuitable ไม่เหมาะสม 
countable นับได้ uncountable นับไม่ได้
2. Im- (ไม่) ใช้สำหรับเติมหน้าคำคุณศัพท์ (Adjective) หรือ คำกริยาวิเศษณ์ (Adverb)
เมื่อเติมแล้ว ทำให้คำนั้นมีความหมายตรงกันข้าม
เช่น pure บริสุทธิ์ impure ไม่บริสุทธิ์
polite สุภาพ impolite ไม่สุภาพ
3. In - (ไม่) ใช้สำหรับเติมหน้าคำคุณศัพท์ (Adjective) เท่านั้น
เมื่อเติมแล้วทำให้คำนั้นมีความหมาย
direct ตรง indirect
ไม่ตรงexpensive แพง inexpensive ไม่แพง
4. Re - (อีก) ใช้สำหรับเติมหน้าคำกริยา (verb) หรือคำนามที่มาจากกริยาเท่านั้น
เมื่อเติมแล้วทำให้คำนั้นมีความหมายว่า “ทำอีก”
เช่น write เขียน rewrite เขียนใหม่
speak พูด respeak พูดอีก
5.Dis - (ไม่) ใช้สำหรับเติมหน้ากริยา (verb) หรือเติมหน้าคุณศัพท์ (Adjective)
และเมื่อเติมแล้ว ทำให้คำนั้นมีความหมายตรงกันข้าม
like ชอบ dislike ไม่ชอบ
agree เห็นด้วย disagree ไม่เห็นด้วย
6. Mis - (ผิด) ใช้สำหรับนำหน้าหรือเติมหน้าคำกริยา (verb) เท่านั้น
เมื่อเติมแล้วทำให้กริยาตัวนั้น มีความหมายว่า “กระทำผิด”
เช่น write เขียน miswrite เขียนผิด
spell สะกดตัว misspell สะกดตัวผิด
7. Pre - (ก่อน) ใช้สำหรับเติมหน้าคำนาม (Noun) หรือกริยา (verb)
เมื่อเติมแล้วทำให้นามนั้นมีความหมายว่า “ก่อน , หรือทำก่อน”
เช่น history ประวัติศาสตร์ prehistory ก่อนประวัติศาสตร์
university มหาวิทยาลัย preuniversity ก่อนมหาวิทยาลัย
8.Tri -(สาม) ใช้สำหรับเติมหน้าคำนาม และเมื่อเติม tri เข้าข้างหน้าแล้ว
ทำให้คำนั้นมีความหมายว่า “สาม” ขึ้นมาทันที
เช่น คำเดิม คำแปล เติมอุปสรรค tri แล้ว คำแปล angle เหลี่ยม triangle
รูปสามเหลี่ยมcycle จักรยาน tricycle รถสามล้อ
9.Bi- (สอง) ใช้สำหรับเติมหน้าคำนาม และเมื่อเติม bi เข้าข้างหน้าแล้ว
ทำให้คำนั้นมีความหมาย“สอง”ขึ้นมาทันที
เช่น cycle จักรยาน bicycle จักรยานสองล้อ
polar ขั้วโลก bipolar มีสองขั้วโลก
10. En- อุปสรรคตัวนี้ไม่มีคำแปลเป็นเอกเทศ เพียงแต่ว่าเมื่อนำไปเติมข้างหน้าคำนาม
หรือคำคุณศัพท์แล้วทำให้คำนั้นกลับเป็นกริยา (verb) ขึ้นมาทันที



ที่มาบางส่วน